บัญชีแยกประเภท (วิเคราะห์)

บัญชีแยกประเภท (วิเคราะห์)

คำจำกัดความ

            เป็นรายงานพิเศษที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้รหัสตัวแปรเป็นหลัก เพื่อจะสามารถทำการประมวลผลและเรียกรายงานต่าง ๆ ต่อไป รายงานบัญชีแยกประเภท (วิเคราะห์) ประกอบด้วย 5 รายงานตามรูป


ความหมายข้อกำหนดรายงาน

  1. ทุกรหัสบัญชี : เป็นข้อกำหนดรายงานที่สามารถเรียกดูได้ทุกรหัสบัญชี
  2. กลุ่มบัญชี : เป็นข้อกำหนดรายงานที่สามารถเรียกดูเป็นกลุ่มบัญชีได้
  3. หมวดหมู่บัญชี : เป็นข้อกำหนดรายงานที่สามารถเรียกดูเป็นหมวดหมู่บัญชีได้
  4. รหัสบัญชี (จาก-ถึง) : เป็นข้อกำหนดรายงานที่สามารถเรียกดูเป็นรหัสบัญชีได้
  5. จาก-ถึงวันที่ : เป็นข้อกำหนดรายงานที่ให้แสดงรายการเกี่ยวกับวันที่ เพื่อใช้สำหรับกำหนดช่วงวันที่ที่ต้องการเรียกรายงาน เช่น ต้องการดูยอดบัญชีลูกหนี้ทุกรายในช่วงวันที่ 1- 15 ของเดือน เป็นต้น รายงานจะแสดงเป็นยอดยกมาก่อนหน้าช่วงวันที่ที่เรียกรายงาน ยอดรวมที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ที่เรียกรายงาน และยอดยกไปในช่วงวันที่ถัดไป
  6. จาก-ถึงเดือน : เป็นข้อกำหนดรายงานที่ให้แสดงรายการเกี่ยวกับเดือนที่ให้กำหนดช่วงเดือนได้ รายงานที่ออกจะแสดงเป็นยอดรายเดือน และจะออกเป็นยอดยกมา ยอดรวม และยอดยกไปตามที่เรากำหนดไว้
  7. จาก-ถึงไตรมาส : เป็นข้อกำหนดรายงานที่ให้แสดงรายการที่ให้เลือกเป็นช่วงไตรมาสได้ รายงานที่ออกจะแสดงเป็นรายไตรมาส และจะออกยอดยกมา ยอดรวม และยอดยกไปตามที่เรากำหนดไว้
  8. จาก-ถึงปี : เป็นข้อกำหนดรายงานที่ให้แสดงรายงานเป็นรายปี แสดงเป็นยอดยกมา ยอดรวม และยอดยกไป ตามช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยถ้าเลือกข้อกำหนดรายงานแสดงเป็นแต่ละปี สามารถเรียกรายงานเปรียบเทียบกับปีเก่าด้วยได้ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเปรียบเทียบย้อนหลังไปกี่ปี
  9. รายเดือน : แสดงรายงานตามเดือนอะไรถึงเดือนอะไร
  10. รายไตรมาส : แสดงรายงานตามไตรมาส
  11. รายครึ่งปี : แสดงรายงานแบบครึ่งปี โดยสามารถดูได้ว่าต้องการเรียกรายงานครึ่งปีที่ 1 หรือว่า ครึ่งปีที่ 2 เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบงบประมาณระหว่างปี
  12. รายปี : แสดงรายงานตามแต่ละปี และเพื่อเปรียบเทียบงบประมาณระหว่างปีได้
  13. กำหนดรหัสตัวแปร : เลือกรหัสตัวแปรที่ต้องการเรียกรายงานได้เพียงตัวแปรเดียว จากตัวแปรทั้งหมด  6 ประเภท ได้แก่ ตามรหัสแผนก รหัสงาน รหัสลูกหนี้ รหัสเจ้าหนี้ รหัสพนักงาน รหัสส่วนขยาย
  14. แสดงตามระยะเวลา : ต้องการให้แสดงรายงานตามระยะเวลาที่เลือกไว้
  15. แสดงรายละเอียดใบสำคัญ : เป็นข้อกำหนดรายงานที่ให้แสดงรายละเอียดของใบสำคัญ เลขที่ วันที่ สมุดบัญชี ตามรหัสตัวแปรที่กำหนดในใบสำคัญแต่ละใบ 
  16. แสดงยอดสรุปแต่ละรหัสบัญชี  : เป็นข้อกำหนดรายงานแสดงเป็นยอดสรุปตามรหัสตัวแปรที่ได้เลือกไว้ 
  17. แสดงรายการที่มียอดยกมาด้วย : เป็นข้อกำหนดที่ให้ระบุยอดยกมาของรหัสตัวแปรที่เลือกไว้ เพื่อแสดงยอดยกมาจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เช่น แสดงยอดยกมาของลูกหนี้ A001 ในเดือนก่อน เป็นต้น
  18. แสดงรหัสทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ในข้อมูล : เป็นข้อกำหนดที่ให้แสดงรายการรหัสทั้งหมดที่มีอยู่ในใบสำคัญมาแสดงรายละเอียดของรายการให้ คือ ถ้าเลือกรหัสตัวแปรใดโปรแกรมจะประมวลผลเฉพาะข้อมูลที่มีรหัสตัวแปรนั้นระบุอยู่มาแสดงให้ทั้งหมด
  19. แสดงเฉพาะรหัสที่กำหนด : เป็นข้อกำหนดรายงานที่ใช้สำหรับให้ระบุรหัสตัวแปรที่ต้องการแสดง โดยสามารถระบุตำแหน่งรหัส หรือระบุกลุ่มของรหัสตัวแปรได้ โดยโปรแกรมจะทำการประมวลผลรายงานเฉพาะใบสำคัญที่ได้มีการระบุตำแหน่งรหัส, กลุ่มรหัส หรือหมวดหมู่รหัสให้เท่านั้น แทนที่จะดึงข้อมูลใบสำคัญทั้งหมดที่ได้ผูกกับตัวแปรนั้น เช่น ต้องการแสดงเฉพาะรหัสแผนกที่ขึ้นต้นด้วย 1 เท่านั้น ให้ใช้คำสั่ง ระบุตำแหน่งรหัสโดยใช้หมายเลข 1 โปรแกรมจะแสดงเฉพาะใบสำคัญที่มีการใส่รหัสแผนกโดยระบุเฉพาะรหัสงานที่ขึ้นต้น ด้วย 1 เพียงอย่างเดียวเป็นต้น
  20. แสดงรายการที่มียอดยกมา ยอดรวม ยอดยกไป : เป็นข้อกำหนดที่ต้องการให้โปรแกรมแสดงยอดยกมา ยอดรวม ยอดยกไป
  21. ใช้ข้อมูลเฉพาะรายการที่มีข้อมูล : เป็นข้อกำหนดเพื่อให้โปรแกรมแสดงรายงานเฉพาะรหัสบัญชีที่มียอดตัวเลขเท่านั้น ถ้ารหัสบัญชีตัวไหนที่ไม่มียอดเคลื่อนไหวตามช่วงเวลาที่เรียกรายงานไม่ให้แสดงในหน้ารายงานนี้
  22. ไม่แสดงรายการที่มีข้อมูลเป็นศูนย์ : เป็นข้อกำหนดรายงานที่ไม่ให้แสดงรายการที่มีข้อมูลเป็นศูนย์
  23. ใช้ข้อมูลคำอธิบายใบสำคัญจากส่วนหัว หรือจากส่วนรายการ : ในการบันทึกข้อมูลรหัสบัญชี โปรแกรมสามารถใส่รายละเอียดใบสำคัญได้ 2 ส่วนคือ ที่ส่วนหัวใบสำคัญ และที่ส่วนรายละเอียดรายการบัญชี เมื่อแสดงในรายงานผู้ใช้สามารถระบุได้ว่าต้องการที่จะแสดงรายละเอียดจากส่วนไหนในใบสำคัญระหว่างคำอธิบายส่วนหัว หรือ ส่วนรายการบัญชี
  24. สกุลเงินต่างประเทศ : กรณีที่ต้องการดูรายงานเป็นสกุลเงินต่างประเทศให้เลือกข้อกำหนดนี้ โปรแกรมจะให้เลือกสกุลเงินที่ใช้ในการประมวลผลรายงาน เช่น US Dollars เป็นต้น
  25. ใช้ข้อมูลเฉพาะใบที่ผ่านแล้ว (Posted) : รายงานแสดงข้อมูลในใบสำคัญที่ได้ทำการ Posted แล้วเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการ Posted โดยผู้ใช้เองหรือโดยโปรแกรม (Posted Auto มาจากการเชื่อมโยงในใบสำคัญ)
  26. ใช้ข้อมูลใบสำคัญทุกใบ : รายงานจะนำข้อมูลในใบสำคัญทุกใบที่ได้มีการบันทึกที่ระบบบัญชีแยกประเภทมาแสดงในรายงานทั้งนี้รวมใบสำคัญที่ยังไม่ Posted กับที่ Posted แล้ว แสดงที่รายงาน
  27. ใช้ยอดยกมาจากตารางรหัสบัญชี : ตัวเลขในคอลัมน์ยอดยกมาต้องการให้ใช้ตัวเลขที่มาจากรหัสบัญชีคือ (เมนูการตั้งรหัส/ ยอดยกมาระบบบัญชีแยกประเภท จะแสดงรหัสบัญชีตามผังบัญชี) ถ้าได้มีการบันทึกยอดยกมาในแต่ละรหัสบัญชีก็ให้นำยอดยกมาของแต่ละรหัสบัญชีมาแสดง
  28. ใช้ยอดยกมาจากตารางรวมรหัส : ตัวเลขในคอลัมน์ยอดยกมาต้องการให้ใช้ตัวเลขที่มาจากการบันทึกในปุ่ม Combined-Codes B/F ซึ่งได้มีการกำหนดยอดยกมาโดยแยกตามรหัสตัวแปรต่าง ๆ คือ รหัสงาน, รหัสแผนก, รหัสลูกหนี้, รหัสเจ้าหนี้, รหัสพนักงาน หรือนำยอดยกมาของรหัสตัวแปรก่อนหน้าช่วงเวลาที่เลือกรายงานมาแสดงที่รายงานนี้
  29. งบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) : ใช้กรณีเมื่อต้องการเลือกดูเฉพาะหน้างบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) ซึ่งสามารถเรียกดูหน้างบแบบเปรียบเทียบได้
  30. งบกำไรขาดทุน : ใช้ในกรณีต้องการเลือกดูแค่หน้างบกำไรขาดทุน ซึ่งสามารถเรียกดูหน้างบแบบเปรียบเทียบได้
  31. งบต้นทุน : ใช้ในกรณีต้องการเลือกดูแค่หน้างบกำไรขาดทุน ซึ่งสามารถเรียกดูหน้างบแบบเปรียบเทียบได้
  32. เปรียบเทียบย้อนหลัง (ปี) : ใช้ในกรณีที่ต้องการเรียกรายงานหน้างบเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยสามารถระบุจำนวนปีที่ต้องการเรียกดูย้อนหลังได้
  33. เปรียบเทียบกับงบประมาณ. : ใช้ในกรณีที่ต้องการให้แสดงรายงานเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้
  34. วิเคราะห์แยกรหัสจากสูตร : ในกรณีที่เลือกข้อกำหนดรายงานนี้ โปรแกรมจะแยกรายงานหน้างบนี้ได้ตามรหัสตัวแปรทั้ง 5 ประเภท คือ รหัสงาน, รหัสแผนก, รหัสลูกหนี้, รหัสเจ้าหนี้, รหัสพนักงาน แต่ทั้งนี้จะต้องมีการกำหนดสูตรหน้างบโดยแยกตามรหัสตัวแปรก่อน ในรายงานบัญชีแยกประเภทมาตรฐาน งบสแสดงฐานะการเงิน (งบดุล), งบกำไรขาดทุนและงบต้นทุน ก่อนจึงสามารถใช้ข้อกำหนดรายงานนี้ได้ (ดูวิธีการกำหนดได้จากคู่มือการแต่งหน้างบตามรหัสตัวแปร)
  35. วิเคราะห์เป็นรายตัวแปรได้ 5 ตัวแปร : สามารถเลือกแสดงหน้ารายงานได้ว่าต้องการให้โปรแกรมประมวลผลโดยใช้ตัวแปรใดสำหรับแสดงในหน้ารายงานโดยสามารถเลือกได้เป็นกลุ่มตัวแปร, ระบุตามตำแหน่งตัวแปร, ตามหมวดหมู่ตัวแปร และหนึ่งรหัสตัวแปรก็ได้

การกำหนดประเภทบัญชี (Define Account Set)

            เป็นการกำหนดรหัสบัญชีตามที่ผู้ใช้งานต้องการแสดงรายงาน ซึ่งสามารถแต่งรายงานได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานว่าต้องการแสดงรหัสบัญชีใดบ้าง โดยกำหนดภายใต้หัวข้อชุดแต่ละชุด

ขั้นตอนการกำหนดประเภทบัญชี

1. คลิกที่ปุ่ม “Define Account Set” บนหน้าข้อกำหนดรายงาน



2. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างกำหนดประเภทบัญชี โดยมีรายละเอียดดังนี้



            1) Set เป็นหัวข้อชุดของประเภทบัญชี โดยโปรแกรมตั้งต้นไว้ที่รายได้ และค่าใช้จ่าย ผู้ใช้งานสามารถกำหนดชื่อหัวข้อรหัสบัญชีที่ต้องการแต่งรายงานเพิ่มได้สูงสุด 20 หัวข้อ เช่น ต้องการแสดงรหัสบัญชีรายได้ โดยแสดงแยกเป็นรายได้จากการขาย, รายได้จากการบริการ และรายได้อื่น ๆ เป็นหัวข้อชุด 1 เป็นต้น ให้ดับเบิลคลิกที่คอลัมน์ “ชื่อประเภท” เพื่อกำหนดชื่อชุด

            2) F2 Main ใช้สำหรับเพิ่มหัวข้อภายใต้หัวข้อชุด เมื่อกำหนดชื่อชุดเรียบร้อยแล้ว หากต้องการกำหนดหัวข้ออื่น ๆ ภายใต้หัวข้อชุดให้คลิกที่ปุ่ม “F2 Main” โปรแกรมจะเพิ่มบรรทัดและแสดงเป็นชื่อ “หัวข้อใหม่” ให้ดับเบิลคลิกบรรทัดที่เพิ่มขึ้นเพื่อกำหนดชื่อหัวข้อ


            3) F3 Sub เมื่อมีการเพิ่มหัวข้อแล้ว หากต้องการเพิ่มหัวข้อย่อยให้คลิกที่ปุ่ม “F3 Sub” โปรแกรมจะเพิ่มบรรทัดและแสดงเป็นชื่อ “รายการใหม่” ให้ดับเบิลคลิกบรรทัดที่เพิ่มขึ้นเพื่อกำหนดชื่อหัวข้อย่อย


            4) รหัสบัญชี เมื่อกำหนดหัวข้อชุด, หัวข้อ และหัวข้อย่อยแล้ว ให้ระบุรหัสบัญชีของแต่ละหัวข้อ โดยคลิกบรรทัดที่ต้องการกำหนด แล้วคลิกที่ Icon  หรือคลิกขวา โปรแกรมจะแสดงรายการรหัสบัญชีให้เลือก ซึ่งสามารถใช้เครื่องหมาย ( , ) เป็นตัวคั่นระหว่างรหัสบัญชี


            5) Move Up/Down ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายรายการบัญชีให้อยู่บน หรือภายใต้หัวข้อนั้น ๆ


            6) กำหนดการใช้งาน เมื่อกำหนดประเภทบัญชีแล้ว ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าให้ใช้ข้อกำหนดนี้ได้โดยคลิกที่ปุ่ม “USE ON” ซึ่งมี 2 ข้อเลือกดังนี้
  1. USE ON ALL REPORTS คลิกที่ข้อเลือกนี้เมื่อต้องการให้ใช้ข้อกำหนดกับทุกรายงาน

  1. USE WITH THIS REPORT ONLY คลิกที่ข้อเลือกนี้เมื่อต้องการให้ใช้ข้อกำหนดกับรายงานนี้เท่านั้น

                    
            7) F5 ใช้สำหรับลบรายการรหัสบัญชี โดยคลิกรายการที่ต้องการลบจากนั้นคลิกที่ปุ่มนี้

            8) F10 เมื่อกำหนดประเภทบัญชีเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ปุ่มนี้เพื่อบันทึกข้อมูลและปิดหน้านี้

            9) Esc ใช้สำหรับยกเลิกการเปลี่ยนแปลงและปิดหน้านี้

            เมื่อต้องการเรียกรายงานให้คลิกที่ปุ่ม “Process” บนหน้า “Condition” โปรแกรมจะแสดงหน้ารายงานตามที่ผู้ใช้งานกำหนดประเภทบัญชีไว้ ตามรูปตัวอย่างนี้





    • Related Articles

    • การคำนวณยกยอดไป GL

      ไม่สามารถเรียกรายงาน GL ปีปัจจุบันได้ โปรแกรมฟ้องเกินปีบัญชี ต้องทำการยกยอดไป GL -เข้าไปที่เมนูพิเศษ / เกี่ยวกับระบบ MAC-5 และจดเลข Customer ID ออกมา -ให้ทำการเก็บสำรองข้อมูลทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน -เข้าคำสั่งในเมนูข้อมูล ทำการคำนวณยกยอดไป GL ...
    • เรียกรายงาน GL ปีปัจจุบันไม่ได้

      โปรแกรมฟ้องเกิน 1 ปีทางบัญชี ไม่สามารถเรียกรายงาน GL ปีปัจจุบันได้ ให้ตรวจสอบวันที่ต้นปีบัญชี (GL-BF มุมซ้ายล่าง) ว่าเกิน 5 ปีบัญชีหรือไม่ หากข้อมูลปีที่เรียก เกิน 5 ปีบัญชีจะไม่สามาารถเรียกรายงาน GL ปีปัจจุบันในโปรแกรมได้ จะต้องใทำการยกยอด GL ...
    • จะทำการยกยอด GL แต่โปรแกรมแจ้งให้ใส่เลขเฉพาะลูกค้าเพื่อยืนยันการทำงาน

      การยกยอด GL ผู้ใช้งานควรทำการเก็บสำรองข้อมูลทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน  แล้วไปที่เมนู พิเศษ / เกี่ยวกับระบบ MAC-5 เพื่อนำเลข Customer ID (เลข 8 ตัว) ไประบุลงในช่องดังกล่าว 
    • การกลับขารายการบัญชีด้าน GL

      ขั้นตอนการกลับขารายการบัญชีด้าน GL มีขั้นตอนดังนี้                                                                                                                                    เข้าหน้าแสดงรายการใบสำคัญ โดยเลือกใบสำคัญที่ต้องการกลับขาบัญชี ...
    • Link MI GL แล้วเลขใบสำคัญไม่ตรงกับที่บันทึก MI

      ให้ทำการ delete link MI GL แล้วส่งใหม่ โดยใช้ปุ่ม F5 Process ให้ติ๊กเลือกใช้เลขใบสำคัญ MI